tag:blogger.com,1999:blog-49771181138603989582024-03-08T03:14:45.350-08:00บทที่ 5 จิตวิทยาในการออกแบบการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-4977118113860398958.post-47739731370244308252009-09-24T01:27:00.000-07:002009-09-24T01:31:57.590-07:00บทที่ 5 จิตวิทยาในการออกแบบนักจิตวิทยามีความเชื่อมั่นว่า แรงจูงใจ ( Motivation ) เป็นแรงผลักดัน ช่วยกระตุ้นความคิดของมนุษย์ในอันที่จะก่อเกิดพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในกระบวนการการสื่อสารเมื่อผู้รับสารมีทัศนคติคล้อยตามก็จะแสดงออกทางพฤติกรรม การตรวจสอบว่าสื่อที่นำเสนอให้ผู้ชมหรือผู้รับสารนั้นมีแรงจูงใจให้ผู้รับสารมีทัศนคติคล้อยตามมากน้อยเพียงใด จึงดูที่พฤติกรรมการแสดงออก เช่น การให้ความสนใจมากขึ้น หรืออาจจะกระทำตามข้อมูล สาระนั้นๆในการสร้างรูปแบบของงาน สื่อสิ่งพิมพ์ใดๆ ตลอดจนสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทุกประเภท<br /><br /> การดูภาพ<br /> ก่อนจะทำการออกแบบ ผู้ออกแบบต้องรู้ว่างานที่ออกแบบนั้นๆมีวัตถุประสงค์อะไร ต้องการจะเน้นส่วนใดเป็นหลัก เน้นภาพหรือข้อความ หรือต้องการให้ส่วนใดเด่นชัดและส่วนใดเป็นส่วนประกอบเสริม และต้องการให้ผู้ดูเห็นอะไร การออกแบบที่ดีจะเป็นการกำหนดสายตาผู้ดูให้ดูจุดแรกและต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนถึงจุดสุดท้ายอย่างต่อเนื่องและสัมพันธ์กัน ผู้ดูจะให้ความสนใจในจุดที่ผู้ออกแบบเน้นเป็นพิเศษ ความสำเร็จของการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารก็คือผู้ดูภาพสามารถรับรู้ เข้าใจในสื่อนั้นๆอย่างชัดเจน สนใจ ใช้เวลาน้อยที่สุดในการสื่อความหมาย การออกแบบที่ดีจะเป็นปัจจัยในการคิดและออกแบบของนักออกแบบของนักออกแบบที่ต้องคะนึงถึงมีดังนี้<br /><br />1.ทัศนภาพ ( Vision) คือ การมองเห็นภาพของผู้ดูซึ่งเป็นการแสดงการรับรู้ของการเห็น ภาพที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกในทางการรับรู้ที่จะบอกถึงรายละเอียดของเนื้อหาในทางกว้าง ยาวและลึก ภาพที่ปรากฏแสดงแสดงถึงลักษณะแบบภาพเป็น 2 มิติ หรือ 3 มิติ การเห็นของคนแต่ละกลุ่มแต่ละวัย มองกลุ่มภาพแตกต่างกัน<br />***แนวคิดเบื้องต้นของการออกแบบ<br />1)พื้น<br />2)ส่วนโค้ง<br />3)รูปร่างไม่แบ่งแยกกัน<br />4)จุดเด่นของภาพ<br />5)ส่วนที่มีความเข้มมากกว่าคือส่วนที่เป็นภาพ<br />6)พื้นระนาบถูกปิดล้อมคือส่วนของภาพ<br />7)การวางตำแหน่งของรูปต้องสามารถเห็นได้เป็นทั้งส่วนภาพและพื้นเท่ากัน<br />8)ภาพและพ้นที่มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน<br />***การจัดหมวดหมู่เพื่อการรับรู้ภาพ<br />1)ความใกล้ชิดกัน<br />2)ความคล้ายคลึงกัน<br />3)ความต่อเนื่องกัน<br />4)การประสานกัน<br /><br />2.ทัศนมายาหรือภาพลวงตา<br /> การเกิดลักษณะภาพลวงตาเกิดได้หลายลักษณะ ได้แก่<br />1)เกิดจากการต่อเติมหรือเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป<br />2)เกิดจากการมีขนาดสัมพันธ์กัน<br />3)เกิดจากการตัดกันของเส้นทางหรือเกิดจากมุมต่างๆกันของเส้นที่นำมาประกอบ<br />4)เกิดจากลักษณะของรูปภาพที่สร้างขึ้น<br /><br />ความชอบแลไม่ชอบภาพ<br />ความชอบหรือไม่ชอบย่อมมีความแตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขต่างๆหลายประการด้วยกัน ได้แก่<br />1)ภูมิหลังของแต่ละคน<br />2)การศึกษา<br />3)เพศ<br />4)วัย<br />5)สภาพแวดล้อม<br /><br />จิตวิทยาในการใช้สี<br />1)ทฤษฎีตามหลักวิชาฟิสิกส์<br />สีหมายถึงส่วนประกอบของสเปคตรัม แม่สีแสงนี้ประกอบไปด้วยสี 3 สี ได้แก่ RED GREEN BLUE ถ้าเอาสีของแสงทั้งสาม มาผสมกันจะได้สีใหม่อีก 3 สี ดังนี้<br />RED + BLUE = MAGENTA<br />BLUE + GREEN = CYAN<br />GREEN + RED = YELLOW<br />และ<br />RED + GREEN + BLUE = WHITE<br /><br />2)ทฤษฎีตามหลักวิชาเคมี<br /> สีคือ ส่วนผสมที่ย้อมขึ้นหรือเป็นเนื้อแท้ของสี ซึ่งกำหนดแม่สีไว้เป็น 3 สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ถ้านำเอาสีมาผสมกันจะได้สีใหม่ 3 สี ดังนี้<br />สีแดง + สีเหลือง = ส้ม<br />สีเหลือง + สีน้ำเงิน = สีเขียว<br />สีน้ำเงิน + สีแดง = สีม่วง<br /><br />3)ทฤษฎีตามหลักจิตวิทยา<br /> แม่สีตามทฤษฎีนี้ประกอบด้วย เหลือง เขียว น้ำเงิน และแดง ถ้านำแม่สีมาผสมกันจะได้สีใหม่ 4 สี ดังนี้<br />สีเหลือง + สีเขียว = สีเขียวเหลือง<br />สีเขียว + สีน้ำเงิน = สีเขียวน้ำเงิน<br />สีน้ำเงิน + สีแดง = สีม่วง<br />สีแดง + สีเหลือง = สีส้ม<br /><br />4)ทฤษฎีของมันเซลล์<br /> กำหนดแม่สีขึ้นเป็น 5 สี ด้วยกัน คือ แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน และม่วง เมื่อนำมาผสมกันจะได้สีใหม่อีก 5 สี ดังนี้<br />สีแดง + สีเหลือง = สีส้มหรือสีเหลืองแก่<br />สีเหลือง + สีเขียว = สีเหลืองเขียว<br />สีเขียว + สีน้ำเงิน = สีเขียวน้ำเงิน<br />สีน้ำเงิน + สีม่วง = สีม่วงน้ำเงิน<br />สีม่วง + สีแดง = สีม่วงแดง<br /><br />***การใช้สี<br /> เมื่อสายตาได้สัมผัสวัตถุได้เห็นความแตกต่างหลากหลายของสีในวัตถุย่อมเกิดความรู้สึกต่างๆ ได้แก่ ตื่นเต้น หนาวเย็นหรืออบอุ่น อ่อนหวาน นุ่มนวลหรือเข้มแข็ง และยังเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นสัญลักษณ์ทางความคิดเชิงนามธรรมบางประการอีกด้วย เช่น ความสงบสันติ การเคลื่อนไหว อันตราย ความตาย ฯลฯ<br /><br />***หลักพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สี<br />1)ใช้สีสดใสสำหรับรับกระตุ้นให้เห็นเด่นชัด<br />2)ควรระลึกไว้เสมอว่าการใช้สีมีวัตถุประสงค์ให้เห็นเด่นชัด<br />3)การออกแบบกราฟิกไม่จำเป็นต้องใช้สีเสมอไป ควรพิจารณาถึงความเหมาะสม<br />4)การใช้สีควรเหมาะสมกับวัยของผู้บริโภค<br />5)ไม่ควรใช้สีมากเกินไปเพราะจะลดความเด่นชัดของงาน<br />6)เมื่อใช้สีเข้มจัดคู่กับสีอ่อนมากๆจะทำให้ดูชัดเจน<br />7)การใช้สีพื้นในการออกแบบสิ่งพิมพ์ที่มีพื้นที่ว่างอาจทำให้ดูไม่เร้าใจ<br />8)การใช้สีกับข้อความและตัวอักษรต้องชัดเจนและอ่านง่าย<br /><br />การเลือกใช้ภาพ<br />1)ลักษณะของภาพ ต้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย<br />2)รูปแบบภาพ มีความสัมพันธ์กับรูปแบบของสื่อ<br />3)สีของภาพ ต้องชัดเจน<br />4)ขนาดของภาพ ภาพที่มีขนาดใหญ่จะได้รับความสนใจมากที่สุด<br /><br />***นักออกแบบแยกแยะงานตามลักษณะการถ่ายทอดมี 3 ชนิด คือ<br />1)ภาพที่ถ่ายทอดตามความเป็นจริง (Realistic)<br />2)ภาพที่ถ่ายทอดด้วยลักษณะตัดทอน (Distortion)<br />3)ภาพที่ถ่ายทอดตามความรู้สึก (Abstraction)<br />ลักษณะที่ดีของภาพ<br /><br />นักออกแบบควรได้เน้นถึงองค์ประกอบเสริมอื่นๆด้วย ดังนี้<br />1)การออกแบบภาพทุกครั้งต้องคำนึงถึงหลักศิลปะหรือความงดงามทางศิลปะด้วย<br />2)ภาพที่นำมาใช้ต้องมีความชัดเจน<br />3)ภาพที่ออกแบบขึ้นต้องมีความสมจริงมีเหตุผลเป็นไปได้<br />4)ภาพที่ดีต้องมีความคมชัด<br />5)ควรเลือกภาพ ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์และความคิดได้<br />6)ภาพต้องไม่สลับซับซ้อนเกินไป<br /><br />หลักการสร้างความสนใจ<br />1)การเสนอด้วยรูปแบบของคำถาม<br />2)การชี้แจงรายละเอียด<br />3)การขอร้อง<br />4)การแนะนำให้คล้อยตามหรือรับทราบ<br />5)การชักชวน<br />6)การสร้างปริศนา<br />7)การเสนอลักษณะท้าทาย<br /><br />จิตวิทยาการโน้มน้าวใจ<br />อริสโตเติ้ลได้กำหนดหลักการโน้มน้าวใจไว้เป็น 3 วิธี คือ<br />1)Ethos คือการโน้มน้าวใจโดยใช้ตัวบุคคล<br /><br />2)Pathos คือการโน้มน้าวใจโดยใช้อารมณ์ แนวคิดที่ช่วยหว่านล้อมให้คนเกิดความเชื่อถือ อันได้แก่<br />-พวกมากลากไป<br />-ลักษณะชาตินิยม<br />-การเข้าหามวลชน<br />-การเน้นลักษณะเด่นเฉพาะบุคคล<br />-การอ้างเป็นพวกเดียวกัน<br />-ความกลัว<br />-การอำพรางบางส่วน<br />-การอ้างชื่อสนับสนุน<br />-การยั่วยุประสาทสัมผัส<br />-จิตวิทยาทางด้านภาษา<br />-การเน้นเกินความเป็นจริง<br /><br />3)Logos คือการโน้มน้าวใจโดยใช้เหตุผล การอ้างเหตุผลสามารถนำเสนอได้หลายลักษณะ ได้แก่<br />-การอ้างเหตุผลแบบนิรนัย (Deduction)<br />-การอ้างเหตุผลแบบอุปนัย (Induction)<br />-การอ้างเหตุไปสู่ผลหรือผลไปสู่เหตุการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0